ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๐
เมื่อวันพุธที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เวลา ๐๙.๓๐ น. รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๐ เพื่อพิจารณาเรื่องมาตรการให้เงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุ ที่มีรายได้น้อย ซึ่งได้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสรรเงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุ ที่มีรายได้น้อย โดยคำนึงถึงความเหมาะสม คุ้มค่า และเป็นไปตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐ การดำเนินมาตรการดังกล่าวให้ความสำคัญกับการจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียน เพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเป็นลำดับแรก ซึ่งจากการลงทะเบียนในปี ๒๕๖๐ มีผู้สูงอายุ แบ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีรายได้ต่ำกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท/ปี และผู้สูงอายุที่มีรายได้มากกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท/ปี แต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท/ปี โดยการจ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยจะจ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับแหล่งที่มาของเงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยจะมาจาก ๒ แหล่ง ได้แก่ ๑. ภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ ๒ ของภาษีที่เก็บจากสุราและยาสูบ ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตสูงสุดปีงบประมาณละไม่เกิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท ๒. เงินบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ซึ่งการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทำให้สังคมตระหนักได้ว่า กลุ่มผู้สูงอายุสามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้เช่นกัน ทั้งนี้ ผู้สูงอายุ ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถแจ้งความประสงค์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป สำหรับสถานที่ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถดำเนินการได้ที่อบต. ๕,๓๓๔ แห่ง เทศบาล ๒,๔๔๑ แห่ง เมืองพัทยา สำนักงานเขต กรุงเทพมหานคร ๕๐ เขต และสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในกรุงเทพมหานครแต่มีทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัดสามารถยื่นเรื่องได้ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยผู้สูงอายุที่แจ้งความประสงค์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเต็มจำนวนตามสิทธิเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๑๒ เดือน (๑ ปี) จะได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติเป็นเหรียญพระคลังชนิดทองแดงชุบทอง สลักข้อความ "เหรียญพระคลัง เชิดชูเกียรติ ผู้บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" โดยผู้บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และหากไม่ยกเลิกการบริจาคจะถือว่า มีความประสงค์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อเนื่อง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว) ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ (นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน) รองปลัดกระทรวงฯ (นางไพรวรรณ พลวัน) อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ (นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ) พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กรมบัญชีกลาง ฯลฯ ผู้อำนวยการกอง/ ผู้อำนวยการกลุ่ม ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมกิจการผู้สูงอายุ เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น ๒ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
ภาพ/ข่าว : ฌาณวิทย์ คงคาเขตร กลุ่มสื่อสารองค์กร สำนักงานเลขานุการกรม