1300 ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจคุณยายปิ่น 6 แผ่นดิน
พม. โดยศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจคุณยายปิ่น 6 แผ่นดิน
เนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ที่ย่านบางนา กทม.
พร้อมเร่งติดตามหาญาติให้ชายชราที่ถูกทอดทิ้งภายในวัดหัวคู้ฯ นานกว่า 3 ปี ที่ย่านลาดกระบัง กทม.
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 เวลา 13.30 น. นายอภิชาติ อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย นางขวัญวงศ์ พิกุลทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนางสุภัชชา สุทธิพล ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจผู้สูงอายุ 119 ปี เนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และวันผู้สูงอายุแห่งชาติ อีกทั้งให้ความช่วยเหลือตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ย่านซอยชุมชนกลางนาเขตบางนา กรุงเทพฯ จากนั้นได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือชายชรา ที่ประกาศตามหาลูกชายและลูกสาว ภายหลังถูกนำมาทิ้งไว้ที่วัดนานกว่า 3 ปี ณ วัดหัวคู้วราราม ซอยลาดกระบัง 54 กรุงเทพฯ
ด้วยรัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุทั้งระยะสั้นและระยะยาว ผ่านการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ด้วยการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุอย่างรอบด้าน ทั้งด้านสุขภาพกาย จิตใจ สังคม และเศรษฐกิจ เป็นต้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข มีคุณค่า และศักดิ์ศรี ด้วยการให้เกียรติและเสริมสร้างกำลังใจ สำหรับวันนี้กระทรวง พม. โดย
ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ ชื่อ นางปิ่น จันทร์เทพา อายุ 119 ปี อาศัยอยู่กับบุตรสาวอายุ 70 ปี และเด็กอีกหลายคน ส่วนสามีได้เสียชีวิตแล้ว สำหรับนางปิ่นมีบุตรทั้งหมด 9 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 1 คน ซึ่งปัจจุบันลูกชายได้เสียชีวิตทั้งหมด โดยหญิงชราดังกล่าว มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง และไม่สามารถเดินได้ รูปร่างผอม หลังค่อม มีปัญหาเรื่องความจำ อีกทั้งมีหลายโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ต้องอาศัยเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการใช้ประทังชีวิต ในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรมในที่ดินของเอกชน โดยเสียค่าเช่าเดือนละ 600 บาท ที่ย่านชุมชนกลางนา แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ กระทรวง พม. พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวง พม. ได้แก่ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) และกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ได้ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวนางปิ่น เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และประเมินทางสังคม อีกทั้งเร่งดำเนินการช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวง พม. อาทิ 1) พส. ได้มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวยากจน พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน และประสานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่
เพื่อเยี่ยมบ้านและเฝ้าระวังเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง 2) ดย. มอบเงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัว และเครื่องอุปโภคบริโภค
ที่จำเป็น 3) พก. ให้การช่วยเหลือตามสิทธิสวัสดิการและการสงเคราะห์ครอบครัว อีกทั้งประสานความร่วมมือไปยังศูนย์บริการสาธารณสุข เพื่อติดตามดูแลและให้คำแนะนำเรื่องการดูแลหญิงคนดังกล่าว และ 4) ผส. ให้การช่วยเหลือตามสิทธิสวัสดิการและการสงเคราะห์ครอบครัว อีกทั้งประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามดูแล และให้คำแนะนำเรื่อง
การดูแลผู้สูงอายุ สำหรับแนวทางการช่วยเหลือในระยะต่อไป หน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. จะร่วมกันหาแนวทางช่วยเหลือดูแลในเรื่องการจัดสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมให้กับครอบครัวดังกล่าว เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างมั่นคง อาทิ
การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กในระยะยาว และการปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัย
ให้ถูกสุขลักษณะ มีความมั่นคง และปลอดภัย อีกทั้ง การแนะนำให้คำปรึกษาในเรื่องการส่งเสริมอาชีพและทุนประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและเพียงพอในระยะยาวให้กับครอบครัวดังกล่าวต่อไป
สำหรับกรณี ชายชรารายหนึ่ง ประกาศประกาศตามหาลูกชายและลูกสาว ภายหลังถูกนำมาทิ้งไว้ที่วัดนานกว่า 3 ปี
ที่วัดหัวคู้วราราม ซอยลาดกระบัง 54 กรุงเทพฯ นั้น กระทรวง พม. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประเมินทางสังคมของชายชราดังกล่าว และได้ให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมทั้งประสานหน่วยที่เกี่ยวข้อง เร่งติดตามหาญาติ เพื่อให้ชายชรา
ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวต่อไป ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือประสบปัญหาทางสังคม สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่
ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกระทรวง พม. พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไป