รมว.พม. ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี

รมว.พม. ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี
วันที่ 12 มิ.ย. 2561 | ผู้เข้าชม 3,043 ครั้ง

รมว.พม. ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี

พร้อมเยี่ยมชมโรงเรียนผู้สูงอายุ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างมีคุณค่า

 

วันนี้ (12 มิ.ย. 61) เวลา 14.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์) พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงฯ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ (นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ) ลงพื้นที่ อบต.ท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์ทางสังคม และการจัดสวัสดิการทางสังคมของจังหวัดสิงห์บุรี จากนั้นได้เดินทางไป เยี่ยมชมโรงเรียนผู้สูงอายุจังหวัดสิงห์บุรี และมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้แทนผู้สูงอายุ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้แสดงออกถึงศักยภาพ และสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างมีคุณค่า ณ โรงเรียนผู้สูงอายุจังหวัดสิงห์บุรี ตำบลบางมัญ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่ ได้แก่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสิงห์บุรี และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสิงห์บุรีพร้อมทั้งประชุมทีม One Home จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อมอบแนวทางการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มขั้น จากสถิติผู้สูงอายุในประเทศไทย ปี 2559 มีประชากรที่เป็นผู้สูงอายุประมาณ 11 ล้านกว่าคน คิดเป็นร้อยละ 16.5 ของประชากรทั้งประเทศ ถือได้ว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ (Aging Society) อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจำเป็นที่ทุกภาคส่วน สมาชิกในครอบครัว ชุมชน และท้องถิ่น ต้องมีบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง ทั้งการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การถ่ายทอดภูมิปัญญา หรือการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ส่งผลให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี และมีความสุข สำหรับจังหวัดสิงห์บุรี มีประชากร ทั้งหมด 210,088 คน แบ่งชาย 100,132 คน หญิง 109,956 คน โดยเป็นเด็กและเยาวชน จำนวน 58,173 คน และเป็นผู้สูงอายุจำนวน 45,156 คน  (อัตราส่วนผู้สูงอายุสูงที่สุดของประเทศ ร้อยละ 21.49) เป็นชายจำนวน 18,756 คน เป็นหญิงจำนวน 26,400 คน และมีผู้อายุที่อายุเกิน 100 ปี จำนวน 27 คน  เป็นชายจำนวน 9 คน เป็นหญิงจำนวน 18 คน และสำหรับโรงเรียนผู้สูงอายุจังหวัดสิงห์บุรี ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ ปี 2555 โดยใช้สถานที่ของศูนย์การศึกษาพิเศษเป็นสถานที่ตั้ง มีการบริหารจัดการและดำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการในชื่อสมาคมศูนย์ประสานงานภาคเอกชนจังหวัดสิงห์บุรี โดยมีกิจกรรมการจัดอบรมให้ความรู้ในด้านต่างๆ อาทิ รำไทย ดนตรีไทย การถ่ายทอดภูมิปัญญา ซึ่งผลิตนักเรียนแล้ว 7 รุ่น ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปี 2560 รวม 350 คน และเมื่อจบการศึกษาแล้ว ได้สมัครเป็นสมาชิกชมรมคลังปัญญาจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้สนใจต่อไป สำหรับการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมฯ ในวันนี้ กลุ่มผู้สูงอายุได้มีการแสดงขับเสภา และมีการแสดงชุดเชิญพระขวัญ และยังได้มอบของที่ระลึกให้แก่ผู้แทนผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างมีคุณค่า

  ทั้งนี้ การดำเนินงานของโรงเรียนผู้สูงอายุจังหวัดสิงห์บุรี ได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยมีการบูรณาการแบบมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีส่งผลให้เกิดการพัฒนาผู้สูงอายุอย่างเป็นองค์รวม ให้ผู้สูงอายุมีการพัฒนาตนเองและมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมทางสังคมมากขึ้น จะช่วยส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า สามารถพึ่งพาตนเองได้ และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ มีพลังในการขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่ต่อไป

       นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่ ได้แก่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสิงห์บุรี และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมทั้งประชุมทีม One Home จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์ทางสังคมในพื้นที่ และมอบแนวทางขับเคลื่อนงานในพื้นที่ โดยได้เน้นย้ำการบูรณาการในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประสานส่งต่อกลุ่มเป้าหมาย ต้องมีความเข้มแข็งในการเป็นศูนย์กลางกำหนดนโยบาย One Home หรือ Model การทำงานในพื้นที่อย่างเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่างๆ พร้อมทั้งจัดทำแผนพัฒนาภาคในการเชื่อมโยงประสานหน่วยงานในพื้นที่ เน้นการประสานงานอย่างรวดเร็ว ลดขั้นตอนโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสาร และให้ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 เป็นช่องทางให้ประชาชนผู้ประสบปัญหาสังคม เข้าถึงการให้บริการสวัสดิการของภาครัฐ โดยเน้นการทำงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและสภาพปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งมีการใช้ข้อมูล Social map และฐานข้อมูลอื่นๆ เช่น การลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ ให้เกิดประโยชน์ด้วยการใช้เทคโนโลยีในการจะพัฒนา และยกระดับการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และขอให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนดำเนินงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ

 

ภาพ : ฌาณวิทย์ คงคาเขตร, ณัฐพล สถิรวุฒิพงศ์
กลุ่มสื่อสารองค์กร สำนักงานเลขานุการกร
ข่าว : กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์