กรมกิจการผู้สูงอายุ แถลงชี้แจงการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามระเบียบเดิม พร้อมเชิญชวนบริจาคเพื่อผู้ด้อยโอกาส ด้วยการให้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
กรมกิจการผู้สูงอายุ แถลงชี้แจงการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามระเบียบเดิม พร้อมเชิญชวนบริจาคเพื่อผู้ด้อยโอกาส ด้วยการให้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๐.๓๐ น. นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ (รองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานตามภารกิจสำคัญของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมด้วยนางไพรวรรณ พลวัน (อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ) ร่วมแถลงในประเด็น การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และการบริจาค Flagship การให้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ณ บริเวณโถง ชั้น ๑ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ
ตามที่ มีการส่งข้อความเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพิ่มคนละ ๑๐๐ บาท กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ขอชี้แจง ดังนี้ การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ยึดแนวทางปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๕๒ ซึ่งปัจจุบันการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุยังคงเป็นการจ่ายแบบขั้นบันได ดังนี้ ผู้สูงอายุ ๑) อายุ ๖๐-๖๙ ปี รับเบี้ย ๖๐๐ บาทต่อเดือน ๒) อายุ ๗๐-๗๙ ปี รับเบี้ย ๗๐๐ บาทต่อเดือน ๓) อายุ ๘๐-๘๙ ปี รับเบี้ย ๘๐๐ บาทต่อเดือน และ ๔) อายุ ๙๐ ปีขึ้นไป รับเบี้ย ๑,๐๐๐ บาทต่อเดือน สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จากการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ ครั้งที่ ๗/๒๕๖๑
ซึ่งมีมติอนุมัติการจ่ายเงินในโครงการมาตรการให้เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเงินเพิ่มในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน ๕๐-๑๐๐ บาท ทั้งนี้ การจ่ายเงินลงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มจ่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ถึง มีนาคม ๒๕๖๒ ผู้มีสิทธิสามารถถอนเงินที่โอนเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นเงินสดได้ผ่านตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย และสาขาของธนาคารกรุงไทย ทั่วประเทศ
สำหรับ โครงการสำคัญตามยุทธศาสตร์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔ โครงการ Flagship : การให้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ได้มีการจัดทำหนังสือต่อกรมสรรพากร เรื่อง ขอเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมรายชื่อหน่วยงานของ พม. ที่สามารถหักลดหย่อนเงินบริจาคได้ ซึ่งกรมสรรพากรได้ประกาศหน่วยรับบริจาค พม. ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ๑ เท่า ทางเว็บไซต์กรมสรรพากรเรียบร้อยแล้ว เป็นจำนวน ๑๗๑ หน่วยงาน ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมบริจาคตามช่องทาง ดังนี้ ๑) ศูนย์รับบริจาคกระทรวง พม. ณ บริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี โทร. ๐๒-๓๐๖-๘๘๗๔ ต่อ ๕ หรือหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ทั่วประเทศ ๒) โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี “ศูนย์รับบริจาคกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” สาขาสะพานขาว เลขที่บัญชี ๐๒๑-๐-๒๑๑๗๐-๙ ๓) บริจาคเงินผ่านการสแกน Krungthai QR Code ในระบบ E-Banking และ ๔) บริจาคผ่านแอพพลิเคชั่น True Money Wallet
ติดตามข่าวสารของกรมกิจการผู้สูงอายุ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของผู้สูงอายุ ได้ที่ http://www.dop.go.th/th หรือ https://www.facebook.com/OlderDOP