"พม. เราไม่ทิ้งกัน" รมว.พม. ช่วยซ่อมสร้างบ้านกลุ่มเปราะบางที่ถูกไฟไหม้ ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

วันที่ 7 ก.ค. 2563 | ผู้เข้าชม 2,217 ครั้ง

"พม. เราไม่ทิ้งกัน" รมว.พม. ช่วยซ่อมสร้างบ้านกลุ่มเปราะบางที่ถูกไฟไหม้ ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

             วันอังคารที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๑.๐๐ น.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นายจุติ ไกรฤกษ์) พร้อมด้วยปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นายปรเมธี วิมลศิริ) อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ (นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์) รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี (นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง) คณะผู้บริหารกระทรวง พม. ทีม One Home พม. จังหวัดราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือครอบครัวกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคมจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิค-19) ณ หมู่ที่ ๑๙ ตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จากนั้น เดินทางไปลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและชื่นชม นายศตพล สุภณิดาเมธัส คนพิการสู้ชีวิต ที่ได้รับหลายรางวัลสำคัญจากการแข่งขันฝีมือคนพิการแห่งชาติ และการแข่งขันฝีมือคนพิการนานาชาติ สาขาการประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ นับเป็นแบบอย่างคนพิการที่ประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย อีกทั้งเป็นประธานการประชุมหน่วยงานทีม พม. One Home ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี (นายชยาวุธ จันทร) ราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน ๙ หน่วยงาน เพื่อติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามภารกิจของ กระทรวง พม. ในพื้นที่ ณ เทศบาลตำบลเบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

 

            นายจุติ กล่าวว่า  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสว่า อยากเห็นประชาชนมีความสุข โดยขอให้ดูแลประชาชนทุกคนให้มีความสุข อย่าให้ประชาชนมีความลำบาก นับว่าเป็นงานของกระทรวง พม. โดยตรง และเราได้ทำงานอย่างเต็มที่ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยวันนี้ ได้ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งประกอบด้วย ๑) หญิงชรา อาย ๗๒ ปี อาศัยอยู่กับหลาน ๒ คน ที่พักอาศัยเป็นบ้านเช่าถูกไฟไหม้ ๒) ชายชรา อายุ ๖๔ ปี สุขภาพไม่แข็งแรง อาศัยอยู่กับภรรยาที่เป็นเสาหลักในการทำงานหารายได้ของครอบครัว ในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรมใกล้พังจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ๓) หญิง หม้าย อายุ ๔๔ ปี ต้องรับภาระเลี้ยงดูหลาน ๑ คน แต่ประสบปัญหาเรื่องรายได้ เนื่องจากไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ๔) หญิง อายุ ๕๔ ปี พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย ป่วยมีโรคประจำตัว อาศัยอยู่กับสามี อายุ ๖๔ ปี และหลาน ๓ คน รวมทั้งบุตรเขยที่เป็นเสาหลักในการทำงานหารายได้ของครอบครัว แต่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ๕) ชายชรา อายุ ๗๓ ปี

พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย (ร่างกายมีเพียงครึ่งท่อนบน) ที่พักอาศัยเป็นบ้านเช่าถูกไฟไหม้ จึงต้องมาอาศัยอยู่กับน้องชายและน้องสาว และ ๖) เด็กชาย อายุ ๑๐ ปี พิการทางสมองและป่วยเป็นโรคลมชัก อาศัยอยู่กับญาติแต่ไม่สามารถดูแลได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ทั้งนี้ กระทรวง พม. ไม่ได้มามอบเพียงแค่ถุงยังชีพ แต่เรามามอบโอกาสและความช่วยเหลือให้กับกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตในการพัฒนาประเทศ

ให้ได้เรียนหนังสือ พร้อมทุนการศึกษา อีกทั้งให้การส่งเสริมอาชีพและหารายได้ให้กับประชาชน ซึ่งจะประสานงานกับศูนย์ฝึกอาชีพในพื้นที่โดยเฉพาะการฝึกอาชีพใหม่รองรับการเปลี่ยนแปลงหลังโรคโควิด-19 เพื่อเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว โดยตนในฐานะผู้กำกับของกระทรวง พม. จะลงมาดูแลประชาชนและจะต้องได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ได้มอบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมกรอบ เงินสงเคราะห์สำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส และประสานภาคีเครือข่ายในพื้นที่ช่วยซ่อมสร้างบ้านสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ เป็นต้น อีกทั้งมอบหมายให้ ทีม One Home พม. จังหวัดราชบุรี หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอาสาพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่ เพื่อร่วมกันหาแนวทางช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป