กระทรวง พม. โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ ขอนำเสนอสาระน่ารู้เรื่อง สาวกานัง สันนิปาโต อโหสิ หรือ (วันมาฆบูชา) ที่ผู้สูงอายุทุก ๆ ท่านอาจไม่เคยทราบมาก่อน
วันที่ 26 ก.พ. 2564 |
ผู้เข้าชม 2,914 ครั้ง
| โดย กลุ่มประชาสัมพันธ์/กลุ่มอำนวยการอธิบดี
สาวกานัง สันนิปาโต อโหสิ (วันมาฆบูชา)
รับฟังเพิ่มเติมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=oF90T4Pu2rA
สาวกานัง สันนิปาโต อโหสิ (วันมาฆบูชา)
ในครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสคำว่า มาฆบูชา นี้เลย พระพุทธเจ้าใช้คำว่า "สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ" (สา-วะ-กา-นัง สัน-นิ-ปา-โต อะ-โห-สิ) แปลว่า ได้มีการประชุมกันของสาวก
‘วันสาวกานัง(สาวก) สันนิปาโต(ประชุม) อโหสิ(ได้มี)’ หรือวันที่ได้มีการประชุมกันของสาวก
ซึ่ง พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ภิกขุที่มาประชุมกันนั้น ล้วนเป็นภิกขุผู้เป็น อรหันต์ขีณาสพทั้งสิ้น มีจำนวน ๑,๒๕๐ รูป แต่ พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงตรัสว่า ภิกขุเหล่านั้น ทรงเป็นผู้บวชให้ด้วยพระองค์เอง (เอหิภิกขุ อุปสัมปทา)
ส่วนคำว่า "อโหสิ" แปลว่า ได้เป็น หรือ ได้มีแล้ว ไม่ได้แปลว่า การให้อภัย หรือยกโทษ ตามที่เราส่วนใหญ่ได้ยินมา ซึ่งชาวพุทธไทย ใช้คำนี้ผิดมาตลอด เช่น ขออโหสิ หรือ ขออโหสิกรรม ซึ่งมีความหมาย และนัยยะที่ผิด
ในครั้งสมัย พระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ ก็ได้มีการประชุมกันของสาวกมาแล้วหลายครั้ง ในสมัยของ พระพุทธเจ้าบางพระองค์ มีการประชุมกันถึง ๓ ครั้ง มีภิกขุอรหันต์ มาประชุมกันครั้งละเป็นล้าน หรือเป็นแสนรูป ก็มี ตามพระสูตรที่ได้ยกมานี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
การประชุมกันแห่งสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "วิปัสสี" ได้มี สามครั้ง
การประชุมกันแห่งสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "วิปัสสี" ได้มี สามครั้ง
ครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ หกล้านแปดแสน รูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ แสน รูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ แปดหมื่น รูป สาวกของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "วิปัสสี" ซึ่งได้ประชุมกัน ทั้งสามครั้งนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "สิขี" ได้มีสามครั้ง
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "สิขี" ได้มีสามครั้ง
ครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ แสน รูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ แปดหมื่น รูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ เจ็ดหมื่น รูป พระสาวกของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "สิขี" ซึ่งได้ประชุมกันทั้งสามครั้งนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "เวสสภู" ได้มี ๓ ครั้ง
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "เวสสภู" ได้มี ๓ ครั้ง
ครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ แปดหมื่น รูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ เจ็ดหมื่น รูป อีกครั้งหนึ่ง มีพระสาวกประชุมกันเป็นจำนวนภิกษุ หกหมื่น รูป
พระสาวกของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "เวสสภู" ซึ่งได้ประชุมกันทั้งสามครั้งนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "กกุสันธะ" ได้มีครั้งเดียว มีจำนวนภิกษุ สี่หมื่น รูป พระสาวกของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "กกุสันธะ" ซึ่งได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "กกุสันธะ" ได้มีครั้งเดียว มีจำนวนภิกษุ สี่หมื่น รูป พระสาวกของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "กกุสันธะ" ซึ่งได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "โกนาคมนะ" ได้มีครั้งเดียว มีจำนวนภิกษุ สามหมื่น รูป พระสาวกของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "โกนาคมนะ" ซึ่งได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "โกนาคมนะ" ได้มีครั้งเดียว มีจำนวนภิกษุ สามหมื่น รูป พระสาวกของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "โกนาคมนะ" ซึ่งได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "กัสสปะ" ได้มีครั้งเดียว มีจำนวนภิกษุ สองหมื่น รูป พระสาวกของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "กัสสปะ" ที่ได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น
การประชุมกันแห่งพระสาวก ของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "กัสสปะ" ได้มีครั้งเดียว มีจำนวนภิกษุ สองหมื่น รูป พระสาวกของ “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "กัสสปะ" ที่ได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ ทั้งสิ้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
การประชุมกันแห่งสาวกของเรา (“พระสมณโคดม” คือ “พระพุทธเจ้า” องค์ปัจจุบัน) ในบัดนี้ ได้มีครั้งเดียว มีจำนวนภิกษุ "หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป" สาวกของเรา ซึ่งได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ (อรหันต์) ทั้งสิ้น ฯ
การประชุมกันแห่งสาวกของเรา (“พระสมณโคดม” คือ “พระพุทธเจ้า” องค์ปัจจุบัน) ในบัดนี้ ได้มีครั้งเดียว มีจำนวนภิกษุ "หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป" สาวกของเรา ซึ่งได้ประชุมกันครั้งเดียวนี้ ล้วนเป็น พระขีณาสพ (อรหันต์) ทั้งสิ้น ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ หน้าที่ ๔ ข้อที่ ๗
ธรรมะที่ทรงแสดงให้กับสาวก ผู้เป็นอรหันต์แล้ว ฟังในวันประชุมนั้น คือ "โอวาทปาฏิโมกข์" คือ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ได้ยินว่า ณ ที่นั้น “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "วิปัสสี" ทรงสวดพระปาติโมกข์ ในที่ประชุมพระภิกษุสงฆ์ ดังนี้
ได้ยินว่า ณ ที่นั้น “พระผู้มีพระภาค อรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า” พระนามว่า "วิปัสสี" ทรงสวดพระปาติโมกข์ ในที่ประชุมพระภิกษุสงฆ์ ดังนี้
ขันติ คือ ความทนทาน เป็นตบะอย่างยิ่ง “พระพุทธเจ้าทั้งหลาย” ตรัสว่า “พระนิพพาน” เป็นธรรมอย่างยิ่ง ผู้ทำร้ายผู้อื่น ผู้เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็น บรรพชิต ไม่ชื่อว่าเป็น สมณะ เลย
• การไม่ทำบาปทั้งสิ้น
• การยังกุศลให้ถึงพร้อม
• การทำจิตของตนให้ผ่องใส
• การยังกุศลให้ถึงพร้อม
• การทำจิตของตนให้ผ่องใส
นี้เป็นคำสั่งสอน ของ “พระพุทธเจ้า” ทั้งหลาย
• การไม่กล่าวร้าย ๑
• การไม่ทำร้าย ๑
• ความสำรวมในพระปาติโมกข์ ๑
• ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑
• ที่นอน ที่นั่ง อันสงัด ๑
• การประกอบความเพียรในอธิจิต ๑
• การไม่ทำร้าย ๑
• ความสำรวมในพระปาติโมกข์ ๑
• ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑
• ที่นอน ที่นั่ง อันสงัด ๑
• การประกอบความเพียรในอธิจิต ๑
หกอย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของ "พระพุทธเจ้า" ทั้งหลาย ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ หน้าที่ ๔๐ ข้อที่ ๕๔
; ขีณาสพ แปลว่า ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว, ผู้สิ้นอาสวะแล้ว หมายถึงพระอรหันต์ผู้หมดอาสวะแล้ว
; ขีณาสพ แปลว่า ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว, ผู้สิ้นอาสวะแล้ว หมายถึงพระอรหันต์ผู้หมดอาสวะแล้ว
สามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร กิจกรรมดี ๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวในการดำเนินงานของกรมกิจการผู้สูงอายุได้ที่..
https://www.facebook.com/OlderDOP
http://www.dop.go.th/
https://www.facebook.com/dop.go.th
http://www.olderfund.dop.go.th/home
https://www.thaielderlycare.org