ประจำปี 2557 : นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา

ประจำปี 2557 : นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา
วันที่ 15 มิ.ย. 2559 | ผู้เข้าชม 7,775 ครั้ง | โดย กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน (ทนส.กยผ.)

 

          นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา

           หากจะกล่าวถึงผู้สูงอายุที่ทรงคุณวุฒิ มีบทบาทในภาครัฐวิสาหกิจ ราชการองค์กรธุรกิจภาคเอกชน แวดวงการพัฒนาคนและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีบทบาทการพัฒนาระบบการศึกษาไทยคนสำคัญหนึ่งในจำนวนที่น้อยยิ่งนั้นคือ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา

           ประวัติ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2470 ปัจจุบันอายุ 87 ปี เป็นบุตรของพระยาอิศรพงศ์พิพัฒน์ และหม่อมหลวงสำลี อิศรเสนา (สกุลเดิม กุญชร) สมรสกับนางบุนนาค อิศรเสนา ณ อยุธยา (ถึงแก่อนิจกรรม) มีบุตร 1 คน คือ นายพิพัฒน์พงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา

           การศึกษา ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย จบวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต (ไฟฟ้า) เกียรตินิยมและวิศวะฯเครื่องกล จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ MIT ประเทศสหรัฐอเมริกา ปริญญา Master of Science Mechanical Engineering ผลงานจากสหวิชาการ ในสายงานวิชาชีพและการพัฒนาสังคมทำให้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาต่าง ๆ จากสถาบันการศึกษา 9 มหาวิทยาลัย

           เครื่องราชอิสริยาภรณ์และการแต่งตั้งที่สำคัญ

           - ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ 5 พ.ค. 39
           - มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก 5 ธ.ค. 37
           - Commanders in the Order of the Crown จากรัฐบาลประเทศเบลเยี่ยม 26 พ.ค. 36
           - ได้รับพระมหากรุณาธิคุณแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาครั้งที่ 1,2 เม.ย. 30, มี.ค. 35
           - ได้รับพระมหากรุณาธิคุณแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มี.ค. 34
           - ได้รับรางวัลนักทรัพยากรมนุษย์ดีเด่นแห่งประเทศไทย ปี 50 มธ.  

 

           การดูแลสุขภาพและครอบครัว แม้นว่าภารกิจการทำงานจะมากมายประการใด ท่านได้จัดสรรเวลาดูแลสุขภาพ โดยออกกำลังกายว่ายน้ำ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละไม่น้อยกว่า 25-30 นาที สวดมนต์เจริญสติ ทุกเช้า ดูแลอาหารที่เหมาะกับโรคและวัยของผู้สูงอายุ และวันสุดสัปดาห์จะจัดสรรเวลาให้ครอบครัวสม่ำเสมอ

           การทำงาน เป็นวิศวกร บ.เยนเนอรัลอิเลคทริค จก. สหรัฐอเมริกา บ.กมลสุโกศล จก. บ.เชลล์แห่งประเทศไทย กลุ่มปูนซีเมนต์ไทยและสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ บ.ปูนซีเมนต์ไทย มหาชน งานที่ได้รับการยอมรับระดับประเทศ คือการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากรไว้อย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ธุรกิจเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของโลก องค์กรจึงก้าวย่างอย่างมั่นคง ทำให้ SCG. เป็น Benchmark ให้ทุกภาคส่วนขอเข้าศึกษาดูงาน ให้ความร่วมมือเป็นคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษามหาวิทยาลัยฯ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรม และชุดต่างๆ 151 แห่ง ปัจจุบันเกษียณแล้วยังคงปฏิบัติหน้าที่ ในสถาบัน สมาคม มูลนิธิฯอีก 41 แห่ง

           เมื่อกล่าวถึงนายพารณ ทุกคนทราบดีว่าท่านมีคุณธรรมสูงยิ่งในเรื่องความมั่นคงในการดำรงความเป็นธรรม ความซื่อสัตย์ ซื่อตรง อุดมการณ์ของท่าน คือ การไม่หยุดทำงาน เกษียณแล้วก็จะทำเรื่อยไปไม่หยุดยั้ง เพราะทำให้ไม่แก่เร็ว การทำงานได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้บุญ ได้ความสุข มีความเชื่อว่า เด็กไทย คนไทย เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดของประเทศไทย จึงตั้งใจจะพัฒนาเด็กไทย คนไทย ให้สู้ได้ในโลก

           โครงการที่ได้รับการเผยแพร่ทางสื่อมลชนแขนงต่างๆ เป็นระยะๆ ได้แก่ การพัฒนาชุมชนบ้านสามขา จ.ลำปาง แรกที่พบชุมชนมีสภาพร้อน แล้วชาวบ้านยากจนขาดแคลน ทรัพยากรธรรมชาติโดยรอบอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม เนื่องมาจากถูกระทำซ้ำซากโดยฝีมือมนุษย์ อาทิ การเผาป่าล่าสัตว์ การใช้สารเคมี เป็นต้น ท่านพารณฯ ใช้แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและวิธีรักษ์น้ำรักษ์ป่าของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถมาระดมความคิดอย่างมีส่วนรวม สามารถดึงพลังเด็ก เยาวชน ประชาชนผู้มีจิตอาสามาร่วมพลิกพื้นสภาพป่า ทำฝายแม้วอันแล้วอันเล่า ก่อให้เกิดต้นน้ำลำธาร ความชุ่มเย็นและความอุดมทำให้สัตว์ป่า เช่น เก้ง หมูป่า กลับเข้ามาอาศัยต้นไม้ มีผลไม้เป็นอาหารให้คนและสัตว์ตลอดปี ในน้ำมีปู ปลา กุ้ง ปลายน้ำใช้ปลูกข้าว ต้นน้ำใช้ปั่นไฟฟ้าพลังน้ำจำหน่ายส่วนเกินให้หมู่บ้านใกล้เคียง น้ำในลำธารนำมากรองบรรจุขวดผ่าน อย. จำหน่ายให้นักท่องเที่ยวที่มาดูนก และท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ณ บ้านสามขา คุณภาพชีวิตคนดีขึ้นโดยรวม ต่อมาท่านได้นำคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตไปมอบให้โรงเรียน 25 แห่งในชุมชนโดยรอบส่งเสริมการเรียนรู้โลกภายนอกได้ภาษาวิชาการ ความรู้สังคมโลก มีเด็กในชุมชนได้ศึกษาต่อแพทย์จุฬาฯ มหิดล และสอบชิงทุนไปเรียนต่อลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิด

           โครงการอาชีวะมาบตาพุด ทำให้เยาชนได้ศึกษาวิชาการแล้วมีชั่วโมงฝึกปฏิบัติจริงในโรงงานอุตสาหกรรม ได้เกร็ด ได้ทักษะความรู้ บางครั้งมีรายได้ไปพร้อมกัน ท่านพารณฯ มุ่งหมายให้เด็กไทย คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้ เพื่อการเรียนรู้จะทำให้ความสามารถต่อยอดงานได้ไม่รู้จบ ด้วยมั่นใจในความเชื่อที่ว่าเด็กไทย คนไทยเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดของประเทศไทย ท่านจึงต้องการพัฒนาคนไทยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

           การพัฒนาที่อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการพัฒนาโดยไม่เลือกสถานะแรกพบกันนั้นน้าน้อยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่ทราบว่าชีวิตตนเองจะมีทางออกของปัญหาได้อย่างไร สามีเมาสุรา น้าน้อยขายและเล่นและพยากรณ์หวย วิ่งไปวิ่งมาไม่มีเวลาทำมาหากินจริงจัง เครื่องบริโภค ก็ล้วนซื้อด้วยเงิน ทั้งที่มีทรัพยากรที่ทดแทนได้ด้วยเทคนิคการเรียนรู้ด้วยกัลยาณมิตร ใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงกับบัญชีครัวเรือนเป็นเครื่องมือ ซึ่งค่อยสร้างความตระหนักรู้สู่การปฏิบัติจริง ปัจจุบันน้าน้อยกลายเป็นวิทยากรต้นแบบแห่งการพัฒนา ม.ราชภัฏฯ บุรีรัมย์มอบปริญญามหาบัณฑิตฯให้ในฐานะผู้นำทางความคิดในการพัฒนาชุมชน สร้างน้าน้อยสอง น้าน้อยสาม หมดหนี้สินและพัฒนาส่วนรวมได้อีกมาก

           โรงเรียนดรุณสิขาลัย นวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ มีท่านพารณ เป็นผู้อำนวยการใหญ่ นำทฤษฎี การเรียนรู้แนว constructionism มาสู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างสรรค์ปัญญาโดยเน้นผู้เรียน เป็นศูนย์กลางบูรณาการด้วยเทคโนโลยี วิชาการ ศิลปวัฒนธรรม ความเป็นไทย ศีลธรรมจรรยา เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต บนพื้นฐานการพิจารณาสติตามวิถีพุทธ เป็นโรงเรียนตัวอย่างในการปฏิรูประบบการศึกษาไทย ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

           ด้วยคุณธรรม ความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ ความทุ่มเทอุทิศ สร้างผลงานที่พัฒนาคุณภาพชีวิตให้คน โดยไม่เลือกสถานะ บังเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นคุณูปการแก่เด็ก เยาวชน และประชาชนในระดับรากแก้ว เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมาเป็นระยะเวลายาวนาน แม้นว่าท่านจะมีอายุ 87 ปีแล้ว ยังคงเป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นหลักชัยที่พึ่งพาแก่แวดวงวิชาการ และกระบวนการพัฒนาประเทศที่สำคัญ

           คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จึงประกาศเกียรติคุณสดุดี ยกย่อง นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ พุทธศักราช 2557

 

            วีดิทัศน์ผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2557