สูตรอาหารผู้สูงวัย เมนูอร่อยทำไม่ยากมีคุณค่าไม่จำเจ
ผู้สูงอายุกินอะไรดี ? ด้วยวัยสูงอายุครั้นจะกินอาหารเหมือนวัยหนุ่มสาวหรือวัยกลางคนคงไม่เหมาะ พาลน้ำหนักตัวขึ้นและอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งบางท่านยังเบื่ออาหารเพราะต่อมรับรสและกลิ่นลดลง มีปัญหาด้านการบดเคี้ยว หรือการใช้ยาบางตัว เป็นต้น ดังนั้นเราต้องมองหาเมนูอาหารสำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือปู่ย่าตายายที่เหมาะสม โดยเฉพาะอาหารที่เคี้ยวง่ายและย่อยง่าย รสชาติไม่จัดจนเกินไป และที่สำคัญมีสารอาหารครบถ้วน กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำอาหารคนแก่ เช่น ข้าวต้มปลา โจ๊กข้าวโอ๊ต กระเพาะปลา เกี๊ยวน้ำ แกงส้ม เป็นต้น ลองหยิบไปลองทำให้คุณพ่อคุณแม่กันนะคะ
1. ข้าวต้มปลา
สูตรจาก คุณมอแกนน้อย
เอ่ยถึงอาหารผู้สูงวัยหลายคนอาจนึกถึงเมนูข้าวต้มเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะข้าวต้มปลา สูตรนี้ใส่ปลาเก๋า มาพร้อมวิธีทำน้ำซุปใส่กุ้งแห้งกับหมึกแห้ง ก่อนเสิร์ฟโรยพริกไทยกับกระเทียมเจียว
ส่วนผสม ข้าวต้มปลา
- ปลาเก๋า
- ข่าอ่อน
- รากผักชี
- กระเทียม
- กุ้งแห้ง
- หมึกแห้ง
- เกลือ
- ซีอิ๊วขาว
- รสดี 1 ช้อนชา
- ข้าวหอมมะลิ
- พริกไทย
- กระเทียมเจียว
- ขึ้นฉ่าย
- ต้นหอม
- พริกน้ำส้ม
- พริกป่น
วิธีทำข้าวต้มปลา
1. ขอดเกล็ดปลาเก๋าแดงออก แล้วก็แล่ปลาชิ้นใหญ่หรือเล็กตามชอบ และเอาข่าอ่อนไปเผาไฟแล้วสับละเอียด
2. ทำน้ำซุปตั้งโดยหม้อใส่น้ำเปล่า ใส่รากผักชี กระเทียม กุ้งแห้ง และหมึกแห้ง ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว และรสดี ต้มไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ ให้หมึกและกุ้งนุ่ม
3. ตั้งหม้อต้มข้าวโดยข้าวที่ใช้เป็นหอมมะลิ ยางจะข้น ตั้งไฟจนเม็ดข้าวบาน แล้วรินน้ำทิ้ง ล้างยางออกเพื่อให้ข้าวสวยคงเม็ด และน้ำซุปมีความใสไม่ขุ่น
4. ตักน้ำซุปใส่หม้อพอประมาณ แล้วใส่ข้าวลงไป เติมข่าป่น ตั้งฉ่าย ต้มแต่พอเดือด เอาเนื้อปลาลงไปลวกในน้ำซุป ระยะเวลาสุกขึ้นอยู่กับความหนา-บางของชิ้นปลา สังเกตจากหนังปลาชั้นล่างที่ติดเนื้อเริ่มใส เป็นอันสุกใช้ได้
5. ตักใส่ชาม เติมพริกไทย กระเทียมเจียว ขึ้นฉ่าย และต้นหอม ตามความชอบ ถ้าชอบเผ็ดก็เพิ่มพริกน้ำส้มกับพริกป่น ก็จะได้ความอร่อยอีกแบบ หรือจะกินแบบลวกจิ้มก็แค่เอาเนื้อไปลวกพอสุก กินกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวใส่พริกสับนิดเดียว แนมด้วยใบและก้านขึ้นฉ่าย
ดูวิธีทำ ข้าวต้มปลา เพิ่มเติมคลิก
2. โจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง
สูตรจาก คุณปลาทองพันธุ์ปั๊ก
โจ๊กข้าวกล้องคุณพ่อคุณแม่กินบ่อยก็เบื่อ ลองมาทำโจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้งกันบ้างไหม ถ้าชอบโจ๊กแบบข้น ๆ เติมน้ำน้อยหน่อย ท็อปด้วยกุ้งผัดผงกระเทียมหอมอร่อย
ส่วนผสม โจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง
- กุ้งสด (ปอกเปลือกเหลือหาง)
- ผงกระเทียม
- ปาปริก้า
- ข้าวโอ๊ต
- น้ำเปล่า หรือน้ำซุป (ตามปริมาณข้างกล่องของข้าวโอ๊ต แต่ละยี่ห้ออาจจะไม่เท่ากัน)
- ซีอิ๊วขาว
- พริกไทย
วิธีทำโจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง
1. เอากุ้งไปหมักกับผงกระเทียมและปาปริก้า ผัดให้พอสุก
2. ผสมข้าวโอ๊ตกับน้ำเปล่า หรือน้ำซุป เทใส่ลงในหม้อตั้งไฟกลางคนจนเริ่มข้น ตักใส่ถ้วย โปะกุ้งลงไปด้านบน ก่อนเสิร์ฟปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทย
ดูวิธีทำ โจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง เพิ่มเติมคลิก
3. โจ๊กอกไก่ปั่น
สูตรจาก คุณ FMR_Woodyinho
เติมโปรตีนกับเมนูโจ๊กอกไก่ปั่น จับอกไก่ผสมกับข้าวหอมมะลิ เติมเกลือนิดหน่อย สุดท้ายโรยไก่ฉีก ขิงซอย ต้นหอม ผักชี และพริกไทย
ส่วนผสม โจ๊กอกไก่ปั่น
- ข้าวหอมมะลิ (หรือข้าวอะไรก็ได้ที่มี) 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า (สำหรับต้มข้าว เพิ่ม-ลดได้) 5 ถ้วยตวง
- อกไก่ (ประมาณ 500 กรัม ไม่แน่ใจ) 2 อก
- น้ำเปล่า (สำหรับต้มไก่) 1+1/2 ถ้วยตวง
- เกลือ 1 ช้อนชา
- ขิงซอย ต้นหอม ผักชี และพริกไทย (สำหรับโรยหน้า)
- ซีอิ๊วขาว
- ไข่ต้ม
วิธีทำโจ๊กอกไก่ปั่น
1. ต้มข้าวให้สุกนิ่ม ใช้เวลานานนิดหนึ่ง (แต่จริง ๆ แล้วทำโจ๊กต้องใช้ปลายข้าวเม็ดละเอียด ๆ จะได้นิ่มเร็ว) เมื่อข้าวได้ที่แล้วยกลงจากเตา
2. นำอกไก่ไปต้มให้สุก เก็บน้ำต้มไก่ไว้ใช้ตอนปั่นด้วย (หากใครมีสองเตา ต้มข้าวพร้อมกับต้มไก่ไปด้วยเลย จะได้ประหยัดเวลา)
3. นำอกไก่เกือบทั้งหมดใส่โถปั่น ปั่นจนละเอียด เหลือไว้ 2-3 ชิ้นสำหรับทำไก่ฉีกโรยหน้าโจ๊ก
4. นำไก่ที่ปั่นแล้วเทใส่หม้อข้าวต้มคนให้เข้ากัน เติมเกลือเพิ่มรสชาติ ลักษณะของข้าวจะข้นขึ้นคล้าย ๆ กับใส่นมผง พอเดือดก็ยกลง
5. ตักใส่ชาม โรยด้วยไก่ฉีก ขิงซอย ต้นหอม ผักชี และพริกไทย
ดูวิธีทำ โจ๊กอกไก่ปั่น เพิ่มเติมคลิก
4. ข้าวไรซ์เบอร์รีผัดกับปลานิล
สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน
จากที่เคยทำข้าวกล้องผัดปลานิล ลองเปลี่ยนมาทำข้าวไรซ์เบอร์รีผัดกับปลานิลบ้างดีไหม เพิ่มผักต่าง ๆ เช่น แครอต บรอกโคลี ฟักทอง เป็นต้น เพิ่มความกรุบกรอบจากธัญพืช
ส่วนผสม ข้าวไรซ์เบอร์รีผัดกับปลานิล
- ปลานิลหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 100 กรัม
- เกลือป่นหยาบ เล็กน้อย
- พริกไทยป่น เล็กน้อย
- แป้งทอดกรอบสำเร็จรูป
- น้ำมันพืช สำหรับทอด
- กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
- น้ำมันมะกอก 1+1/2 ช้อนชา
- แครอต หั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
- บรอกโคลี หั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
- ฟักทอง หั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวไรซ์เบอร์รีหุงสุก 3/4 ถ้วยตวง
- ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
- เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 6-7 เม็ด
- เมล็ดทานตะวันอบกรอบ 1 ช้อนชา
- น้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู
วิธีทำข้าวไรซ์เบอร์รีผัดกับปลานิล
1. โรยเกลือป่นและพริกไทยป่นบนเนื้อปลานิลแล้วคลุกลงในแป้งทอดกรอบพอทั่ว ใส่ลงทอดในน้ำมันพืชใช้ไฟปานกลาง ทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้
2. เจียวกระเทียมกับน้ำมันมะกอกพอเหลืองหอม ใส่แครอต บรอกโคลี ฟักทอง และข้าวไรซ์เบอร์รีลงไปผัดเบา ๆ ให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เกลือป่นและพริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน
4. ใส่ปลาทอดลงไปตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จานสำหรับเสิร์ฟ โรยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์และเมล็ดทานตะวัน เสิร์ฟพร้อมน้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู
ดูวิธีทำ ข้าวไรซ์เบอร์รีผัดกับปลานิล เพิ่มเติมคลิก
5. ข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม
ข้าวผัดไรซ์เบอร์รีต้องเคี้ยวเยอะหน่อย คงไม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุไม่มีฟัน ลองมาทำเมนูข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียมกันไหม ต้มข้าวจนเปื่อยนุ่ม สามารถเติมผักตามชอบ ท็อปด้วยกุ้งผัดกระเทียม
ส่วนผสม ข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม
- น้ำซุปไก่ 1+1/2 ถ้วยตวง
- ข้าวไรซ์เบอร์รีหุงสุก 1 ถ้วยตวง
- กุ้งสด 5 ตัว (ปอกเปลือกผ่าหลังดึงเส้นดำออก)
- ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนชา
- หน่อไม้ฝรั่ง (หั่นเฉียง) 2 ช้อนโต๊ะ
- แครอต (หั่นเต๋า) 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยดำบดหยาบ 1/2 ช้อนชา
- ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักชี (ตกแต่ง)
วิธีทำข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม
1. ต้มน้ำซุปไก่พอเดือด ใส่ข้าวไรซ์เบอร์รีลงต้มประมาณ 5 นาที
2. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา จากนั้นใส่หน่อไม้ฝรั่งและแครอตลงต้มต่อจนผักสุก ยกลงจากเตา
3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชพอร้อน นำกระเทียมสับลงผัดพอเหลืองหอม จากนั้นใส่กุ้งลงผัดพอสุก
4. ใส่ซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาวที่เหลือ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า และพริกไทยดำ ผัดพอเข้ากัน ตักข้าวต้มใส่ถ้วย โรยต้นหอม ราดด้วยกุ้งผัดกระเทียม ตกแต่งด้วยผักชี จัดเสิร์ฟ
ดูวิธีทำ ข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม เพิ่มเติมคลิก
6. กระเพาะปลา
สูตรจาก คุณมอแกนน้อย
ถ้าผู้สูงอายุเบื่ออาหารจานข้าวลองเปลี่ยนมาทำเมนูกระเพาะปลานุ่ม ๆ สักมื้อกันเถอะ สูตรนี้กระเพาะปลาไม่หืนเพราะดับคาวด้วยขิง ใส่กุ้งแห้งกับเห็ดหอม น้ำซุปใส่โครงไก่ลงไปต้ม
ส่วนผสม กระเพาะปลา
- กระเพาะปลา
- หน่อไม้ 2 หัว
- ขิง
- น้ำเปล่า
- น้ำซุป
- ไก่ 1/2 ตัว
- กุ้งแห้ง
- เห็ดหอม
- รากผักชี
- เกลือ
- หอยกระป๋อง (Sea Asparagus)
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำปูของมาเลเซีย
- แป้งข้าวโพด
- แป้งมันสำปะหลัง
- เส้นหมี่ขาวลวก
- ไข่นกกระทาต้ม
วิธีทำกระเพาะปลา
1. ต้มหน่อไม้แล้วหั่นฝอยรอไว้ และเอากระเพาะปลามาทอดจนพองแล้วนำมาต้มในน้ำ ทุบขิงใส่ไปทั้งกอเพื่อดับกลิ่นคาวกลิ่นหืน ต้มจนกระเพาะปลาอ่อนนุ่ม และขับเศษน้ำมันที่ติดตามซอกออก ก่อนมาล้างน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อขจัดเศษสกปรกที่ติดค้างอยู่ ตัดเป็นชิ้นพอคำเตรียมไว้รอ
2. น้ำซุปตั้งไฟอ่อน ใส่ไก่ไปครึ่งตัว พร้อมกุ้งแห้ง เห็ดหอม และรากผักชี ปรุงรสด้วยเกลือ ฉีกไก่สุกรอไว้ และเอาโครงไก่ต้มต่อ แล้วใส่หน่อไม้ต้มกับหอยกระป๋อง
3. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำปูของมาเลเซีย ชิมให้มีรสเค็มน้อย ๆ ใส่กระเพาะปลาลงไป ใส่น้ำแป้งข้าวโพดผสมแป้งมัน หมั่นคนเพื่อดูความข้นเหนียว เมื่อข้นดีแล้วปิดไฟตักเสิร์ฟ ลวกหมี่เพิ่ม พร้อมใส่ไข่นกกระทา
ดูวิธีทำ กระเพาะปลา เพิ่มเติมคลิก
7. แกงขี้เหล็ก
สูตรจากครัวตุ๊กตา
บางครั้งผู้สูงอายุอาจอยากกินแกงเผ็ด ๆ ลองมาทำเมนูแกงขี้เหล็กเพื่อสุขภาพกันดีไหม สูตรนี้ใส่เนื้อย่าง ทั้งนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นปลาย่างก็ได้นะคะ ต้มจนผักเปื่อยนุ่มพร้อมเสิร์ฟ
ส่วนผสม แกงขี้เหล็กเนื้อย่าง
- ใบต้นขี้เหล็ก 250 กรัม
- เกลือ
- เนื้อย่าง 300 กรัม
- เนื้อปลาอินทรีเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อปลานิล 1/2 ตัว
- กระชาย 1/2 ถ้วย
- น้ำพริกแกงแดง 1/2 ถ้วย
- กะทิ 600 กรัม 1 กระป๋อง
- น้ำปลาดี 3-4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำแกงขี้เหล็กเนื้อย่าง
1. นำใบขี้เหล็กมาต้มโดยใส่เกลือเพื่อลดความขม ต้มแล้วล้างน้ำเปล่า บีบน้ำออก ทำแบบนี้ 2 รอบ ความขมจะลดลงมากเลย
2. ระหว่างต้มใบขี้เหล็ก นำเนื้อหรือเนื้อหมูมาหมักกับน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว ประมาณ 5 นาที ก่อนนำไปย่างแค่พอสุกแบบเนื้อน้ำตก อย่าให้เนื้อสุกมาก จะแห้งแกงไม่อร่อย หั่นเป็นชิ้นพอคำ และนำชิ้นเนื้อปลาเค็มมาใส่น้ำแล้วต้มให้สุก กรองเอาแต่น้ำปลาเค็มเข้มข้น ใครไม่ใช้ปลาเค็มจะใช้ปลาร้าก็ได้เลย
3. นำพริกแกงแดงมาตำรวมกับกระชายเพิ่มความหอม ใส่เนื้อปลาต้มสุกตำรวมกับน้ำพริกด้วย ใครมีปลาช่อน ปลานิล ปลาอะไรแล้วแต่สะดวก
4. นำหัวกะทิมาผัดกับเครื่องแกงจนกะทิแตกมัน แต่ไม่ต้องมากถึงกับแตกมันเหมือนเราแกงเขียวหวานหรือแกงเผ็ดอื่น ๆ เมื่อกะทิเริ่มแตกมัน นำเนื้อย่างมาผัดกับพริกแกง แล้วเติมหางกะทิ พอเดือดใส่ใบขี้เหล็กที่ล้างน้ำบีบน้ำออกแล้วมาใส่หม้อลงเคี่ยวกับน้ำแกง พอให้ใบขี้เหล็กอ่อนนุ่ม
5. ปรุงรสด้วยน้ำต้มปลาเค็มหรือน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา เคี่ยวน้ำแกงอีกสักครู่ พอชิมรสชาติถูกใจแล้วสุดท้ายจะใส่หัวกะทิปิดท้าย คนให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักเสิร์ฟ
ดูวิธีทำ แกงขี้เหล็ก เพิ่มเติมคลิก
8. เกี๊ยวน้ำ
สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน
มาต่อที่เมนูก๋วยเตี๋ยวกันบ้างเนอะ ชวนทำเกี๊ยวน้ำมังสวิรัติสอดไส้เห็ดหอมผัด ทั้งนี้ สามารถทำเป็นเกี๊ยวน้ำหมูหรือเกี๊ยวน้ำไก่ หรือจะเพิ่มบะหมี่ลงไปด้วยก็ได้ ราดน้ำซุปหอมใหญ่รสกลมกล่อม ไม่ต้องปรุงก็อร่อยจ้า
ส่วนผสม เกี๊ยวน้ำ
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา
- ขิงสดสับ 1 ช้อนชา
- เห็ดหอมหั่นหรือสับ 150 กรัม
- ซอสถั่วเหลือง 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า
- แผ่นเกี๊ยวสำหรับห่อ
ส่วนผสม น้ำซุป
- น้ำมันงา 2 ช้อนชา
- กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา
- ขิงสดขูด 1 ช้อนชา
- หอมหัวใหญ่สับ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุปผัก 3 ถ้วยตวง
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
- กะหล่ำปลีหั่นชิ้น 50 กรัม
- เห็ดหอมหั่นชิ้นบาง 30 กรัม
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนชา
วิธีทำเกี๊ยวน้ำมังสวิรัติ
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันงาพอร้อน ใส่กระเทียมกับขิงลงผัดให้หอม
2. ใส่เห็ดหอมผัดพอสุก ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง ใส่ต้นหอมผัดให้เข้ากัน ตักส่วนผสมพักไว้ให้เย็น
3. ตักไส้ที่ผัดไว้ใส่ลงบนแผ่นเกี๊ยว ทาด้วยน้ำเปล่า ห่อให้สนิท
4. เตรียมน้ำซุป โดยตั้งกระทะ ใส่น้ำมันงาพอร้อน ใส่กระเทียมกับขิงลงผัดพอหอม ใส่หอมหัวใหญ่ลงผัดสักครู่
5. เติมน้ำซุปผัก พอเดือดเบาไฟ ใส่เกี๊ยวที่ห่อไว้ เคี่ยวประมาณ 5 นาที ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เกลือป่น ใส่กะหล่ำปลี เห็ดหอม พอสุกตักใส่ชาม โรยต้นหอม จัดเสิร์ฟ
ดูวิธีทำ เกี๊ยวน้ำ เพิ่มเติมคลิก
9. หมูผัดขิง
สูตรจาก คุณน้องซาแมนต้า
อย่างที่รู้กันดีว่าขิงมีประโยชน์ต่อสุขภาพ สามารถเอามาทำเมนูผัดขิงสุดคลาสสิกได้โดยเฉพาะเมนูหมูผัดขิง จะใช้หมูสับหรือหมูชิ้นก็ได้ สูตรนี้ใส่หอมใหญ่กับพริกสดด้วย ถ้าหากผู้สูงอายุไม่กินเผ็ดก็ไม่ต้องใส่พริกนะคะ
ส่วนผสม หมูผัดพริกขิง
- เนื้อหมู หั่นเป็นชิ้น ๆ พอดีคำ
- พริกขี้หนูสด ผ่าครึ่ง
- หอมใหญ่ หั่นบาง
- ขิง หั่นเป็นชิ้นยาวเล็ก ๆ
- เครื่องปรุง มีน้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ และผงปรุงรสนิดหน่อย
- น้ำมันพืช สำหรับผัด
- กระเทียมทุบและสับหยาบ
วิธีทำหมูผัดพริกขิง
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป พอกระทะร้อน ใส่กระเทียมลงไปเจียวให้หอม
2. ใส่เนื้อหมูที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากันจนกระทั่งเนื้อหมูสุก
3. ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ และผัดให้เข้ากัน
4. ใส่ขิง หอมหัวใหญ่ และพริกสด ตามลงไปผัดให้เข้ากันเพียง 1 นาที ตักใส่จาน เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ
ดูวิธีทำ หมูผัดขิง เพิ่มเติมได้ที่
10. แกงส้มผักรวม
ผู้สูงอายุกินแกงกะทิบ่อย ๆ คงไม่ดีแน่ ลองมาทำแกงส้มผักรวม สูตรนี้ใส่ถั่วฝักยาวและผักกาดขาว รสเปรี้ยวหวานและเผ็ดเล็กน้อย
ส่วนผสม แกงส้มผักรวม
- น้ำ 1 ถ้วย
- น้ำพริกแกงส้มอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- กุ้งสด ปอกเปลือกผ่าหลัง 100 กรัม
- ถั่วฝักยาว และผักกาดขาว หรือผักตามชอบ
วิธีทำแกงส้มผักรวม
1. ใส่น้ำลงในถ้วย นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงอุ่นจนน้ำเดือด หรือประมาณ 2 นาที ยกออกจากเตา
2. ใส่น้ำพริกแกงส้มลงในถ้วยคนผสมจนละลาย ตามด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก และน้ำมะนาว คนให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงอุ่นจนน้ำเดือด หรือประมาณ 2 นาที ยกออกจากเตา
3. ใส่กุ้งลงในถ้วย คนผสมให้กุ้งถูกความร้อนจนเริ่มสุก นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงอุ่นจนน้ำเดือด หรือประมาณ 2 นาที ยกออกจากเตา
4. ใส่ถั่วฝักยาว และผักกาดขาว คนผสมให้ผักถูกความร้อนจนเริ่มสุก นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้ไฟปานกลางนานประมาณ 2 นาที จนผักสุกนุ่ม ยกออกจากเตา
ดูวิธีทำ แกงส้มผักรวม เพิ่มเติมคลิก
11. ไข่ตุ๋นงาดำ
สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน
จากที่เคยทำเมนูไข่ตุ๋นเป็นอาหารเช้าสำหรับผู้สูงอายุ ลองเพิ่มงาดำมีคุณค่าลงไปหน่อยดีไหมนั่นคือ ไข่ตุ๋นงาดำ ความพิเศษคือจับหมูสับผสมกับงาดำแล้วปั้นเป็นก้อนกลม โรยด้วยต้นหอม ผักชี และงาดำคั่ว
ส่วนผสม ไข่ตุ๋นงาดำ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำซุปไก่ 1/2 ถ้วยตวง
- เนื้อหมูบด 2 ช้อนโต๊ะ
- งาดำคั่ว โขลกละเอียด 1/4 ช้อนชา
- เกลือป่นหยาบ 1/8 ช้อนชา
- พริกไทยป่นเล็กน้อย
- ต้นหอมและผักชีซอย
- งาดำคั่วโขลกละเอียด 1+1/2 ช้อนชา (สำหรับโรยหน้า)
วิธีทำไข่ตุ๋นงาดำ
1. ผสมเนื้อหมูบด งาดำคั่ว เกลือป่น และพริกไทยป่น นวดให้เข้ากัน แล้วปั้นเป็นก้อนกลม พักไว้
2. ตีไข่ไก่พอแตก เติมน้ำซุปไก่ลงไป คนผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยสำหรับตุ๋น ใส่หมูสับงาดำลงไป
3. นำชุดนึ่งขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อน พอร้อนนำถ้วยไข่วางลงไปนึ่งจนสุก ยกออกจากเตา โรยด้วยต้นหอม ผักชี และงาดำคั่ว พร้อมเสิร์ฟ
ดูวิธีทำ ไข่ตุ๋นงาดำ เพิ่มเติมคลิก
12. สะเดาน้ำปลาหวาน
สูตรจาก Easy food good health by Andy
ถ้าคุณพ่อคุณแม่เบื่อ ๆ เมนูก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวต้ม ลองมาทำเมนูสะเดาน้ำปลาหวานกันสักมื้อ มาพร้อมวิธีทำน้ำปลาหวาน เสิร์ฟกับปลาย่างและข้าวสวย
ส่วนผสม สะเดาน้ำปลาหวาน
- ยอดสะเดา
- หอมแดง 5 หัว
- กระเทียม 10 กลีบใหญ่
- พริกแห้ง 9 เม็ด
- น้ำมัน สำหรับทอด
- น้ำตาลมะพร้าว 50 กรัม
- น้ำเปล่า 75 มิลลิลิตร
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนชา
- ปลา สำหรับย่าง
วิธีทำสะเดาน้ำปลาหวาน
1. นำสะเดามาลวกน้ำร้อนแค่พอสะดุ้ง เติมน้ำตาลทรายเล็กน้อย จากนั้นนำไปแช่น้ำเย็นจัด แล้วนำขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ย่างปลาเตรียมไว้ ถ้าปลามีเกล็ดย่างทั้งเกล็ด
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะพอร้อน นำหอมแดงซอย กระเทียมซอย และพริกแห้งมาทอดจนเหลืองกรอบ พักไว้
4. ทำน้ำปลาหวานเริ่มจากตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำตาลมะพร้าว เติมน้ำเปล่า และน้ำปลา คนจนละลายชิมรสตามชอบ เติมน้ำตาลทรายเพิ่มไปนิดหนึ่ง จากนั้นเติมน้ำมะขามเปียกเล็กน้อย พอเริ่มหนืดให้ยกลง ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
ดูวิธีทำ สะเดาน้ำปลาหวาน เพิ่มเติมคลิก
13. กะหล่ำปลีผัดน้ำแดง
สูตรจาก อาหารง่าย ๆ สไตล์ Rita
จากที่เคยทำเมนูต้มกะหล่ำปลีบ่อยมาก ๆ เลยขอลองเปลี่ยนมาทำกะหล่ำปลีผัดน้ำแดงใส่เห็ดตามชอบ ปรุงรสเค็มเล็กน้อย ยิ่งถ้าผัดด้วยกระทะไฟแรง ๆ ยิ่งหอมอร่อยจ้า
ส่วนผสม กะหล่ำปลีผัดน้ำแดง
- กะหล่ำปลี 600 กรัม
- เห็ด 150 กรัม
- ซอสเห็ดหอม 3 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส (เจ) 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนชา
- แป้งเท้ายายม่อม หรือแป้งมัน 1+1/2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 2/3 ถ้วยตวง
- น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
หมายเหตุ : ถ้าใช้แป้งเท้ายายม่อม น้ำซอสจะข้นหนืดนานกว่าใช้แป้งมัน
วิธีทำกะหล่ำปลีผัดน้ำแดง
1. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วพักไว้
2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ รอจนน้ำมันร้อนแล้วใส่กะหล่ำปลีลงไปผัดพอให้กะหล่ำปลีออกเกรียม ๆ พอกะหล่ำปลีได้ที่ก็ตักพักไว้ในจาน กะหล่ำปลีเกรียม ๆ จะหอมมากเลยค่ะ
3. ใส่เห็ดลงไปผัดแค่พอเห็ดเกรียม ๆ แล้วใส่น้ำซอสที่ปรุงไว้ลงไปคนจนพอข้น ตักราดกะหล่ำปลีเป็นอันเสร็จ
ดูวิธีทำ กะหล่ำปลีผัดน้ำแดง เพิ่มเติมคลิก
14. จับฉ่าย
สูตรจาก คุณ sandy_sine สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
และแล้วก็มาถึงเมนูต้มจับฉ่ายที่กินได้ทุกวัย ใส่ผักหลายชนิดมีคุณค่า ใส่กระดูกหมูกับเห็ดหอม เพิ่มฟองเต้าหู้นุ่ม ๆ สุดท้ายแต่งสีสันด้วยซีอิ๊วดำ
ส่วนผสม ต้มจับฉ่าย
- รากผักชี 2-3 ราก
- กระเทียม 3-4 กลีบ
- พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
- กะหล่ำปลี 200 กรัม
- หัวไชเท้า 250 กรัม
- ผักกาดขาว 200 กรัม
- ผักกวางตุ้ง 300 กรัม
- ขึ้นฉ่าย 100 กรัม
- กระดูกอ่อนหมู 1 กิโลกรัม
- น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
- เห็ดหอม 10-15 ดอก หรือแล้วแต่ชอบ
- น้ำมันหอย 5 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 5 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 4 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ฟองเต้าหู้ 10-20 ชิ้น หรือแล้วแต่ชอบ
- ซีอิ๊วดำ 1-2 ช้อนโต๊ะ (แล้วแต่ความเข้มของสีที่ชอบ)
- น้ำสะอาด 1,500 มิลลิลิตร
วิธีทำต้มจับฉ่าย
1. เตรียม 3 เกลอ โดยโขลกกระเทียม รากผักชี และพริกไทยเม็ดให้ละเอียด
2. หั่นผักที่ใช้ในต้มจับฉ่ายและหั่นกระดูกหมู
3. ตั้งหม้อหรือกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันร้อนใส่ 3 เกลอลงไปผัดให้หอม และใส่หมูลงไปผัดให้พอสุก และใส่เห็ดหอมลงไปผัดด้วยกัน เมื่อหมูเริ่มสุกแล้วให้ทยอยใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้สลดจนหมด หากแห้งใส่น้ำนิดหน่อยได้
4. ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส เกลือ และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำลงไปให้ท่วมผักและต้มจนเดือดช้อนฟองออก ใส่ฟองเต้าหู้ลงไปและปิดฝาตุ๋น 30 นาที หรือจนกว่าผักจะเปื่อย แต่งสีด้วยซีอิ๊วดำ ในขั้นตอนนี้ให้ชิมรสชาติ หากไม่เค็มให้เพิ่มเกลือ จากนั้นปิดฝาตุ๋นอีก 5 นาที ปิดไฟ พร้อมจัดเสิร์ฟ
ดูวิธีทำ จับฉ่าย เพิ่มเติมคลิก
15. ฟักทองผัดไข่
ฟักทองผัดไข่อีกหนึ่งเมนูอาหารคนแก่ยอดนิยม มีทั้งโปรตีนจากไข่และวิตามินจากฟักทอง ใส่ซีอิ๊วขาวนิดหน่อย ผัดจนนิ่มตามชอบ
ส่วนผสม ฟักทองผัดไข่
- ฟักทอง (ปอกเปลือกเล็กน้อย) หั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำตาลทราย
- น้ำมันพืชสำหรับผัด
วิธีทำฟักทองผัดไข่
1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง พอร้อนใส่กระเทียมลงเจียวจนหอม ใส่ไข่ไก่ลงยีจนเกือบสุก
2. ใส่ฟักทองลงผัด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากันจนฟักทองสุกนิ่มตามต้องการ ชิมรสตามชอบ
ดูวิธีทำ ฟักทองผัดไข่ เพิ่มเติมคลิก
16. ปลานึ่งซีอิ๊ว
สูตรจาก คุณมันแกวกะแห้วหมู
เมนูปลาเป็นเมนูโปรตีนย่อยง่ายเหมาะสำหรับคนแก่ โดยเฉพาะปลานึ่งต่าง ๆ ขอยกตัวอย่างเมนูปลานึ่งซีอิ๊ว สูตรนี้มาพร้อมวิธีทำน้ำปรุงซีอิ๊ว สุดท้ายโรยกระเทียมเจียวและขิงอ่อน
ส่วนผสม ปลานึ่งซีอิ๊ว
- ปลาจาระเม็ด ขอดเกล็ด ผ่าท้องควักไส้ ทำความสะอาด 1 ตัว
- ขิงอ่อนฝอย
- กระเทียมเจียว
- น้ำมันกระเทียมเจียว
- น้ำซีอิ๊ว
ส่วนผสม น้ำปรุงซีอิ๊ว
- ซีอิ๊วดำ 6 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะไม่พูน
วิธีทำปลานึ่งซีอิ๊ว
1. เอาปลาใส่จานกระเบื้องที่มีก้นลึกหรือก้นเล็กน้อยเพื่อเก็บน้ำได้บ้าง เอาลงซึ้งนึ่งไอน้ำ (เอาแต่ตัวปลาเปล่า ๆ ลงนึ่งเลย) เวลานึ่งควรจับเวลาเพื่อกะให้ปลาสุกพอดี ถ้าปลาหนักประมาณ 1/2 กิโลกรัม ก็ใช้เวลาสัก 15 นาทีพอ ถ้า 8 ขีด ถึง 1 กิโลกรัม ก็ใช้เวลาเป็นประมาณ 25 นาที ใช้ไฟกลาง ๆ ก็พอ ระหว่างรอปลาสุกก็เตรียมเครื่องปรุงซีอิ๊ว ประกอบไปด้วย ขิงอ่อนฝอย กระเทียมเจียว และน้ำซีอิ๊ว
2. ทำน้ำซีอิ๊วโดยใช้ซีอิ๊วดำเค็มหมักธรรมชาติยี่ห้อใดก็ได้แล้วแต่ชอบ ส่วนตัวใช้ซีอิ๊วดำเค็ม ตราเสือของดำเนินฯ ราชบุรี ปริมาณคือใช้ซีอิ๊วดำ 6 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะไม่พูน ละลายให้เข้ากัน (ซีอิ๊วแต่ละยี่ห้อ ความเค็มไม่เท่ากัน เมื่อทำละลายแล้วควรชิม ให้ออกรสจัด คือเค็มจัดไว้กว่าปกติเล็กน้อย เวลาราดปลาจะได้ไม่จืดเกิน)
3. ระหว่างนึ่งไปได้ครึ่งทางก็เปิดซึ้งดู ถ้าน้ำในจานปลามีมากก็ตะแคงซึ้งเททิ้งไป ข้อดีก็คือ พวกเลือดปลาในท้องปลาน้ำขุ่น ๆ จะได้ทิ้งออกไปบ้าง ความคาวก็จะหายไปด้วย พอครบเวลาแล้วเอาขึ้น โรยขิงอ่อนฝอยลงไป ตามด้วยกระเทียมเจียวและน้ำมันกระเทียมเจียว จบท้ายด้วยราดน้ำซีอิ๊วตามลงไป
ดูวิธีทำ ปลานึ่งซีอิ๊ว เพิ่มเติมคลิก
17. แกงจืดเต้าหู้
สูตรจาก คุณมันแกวกะแห้วหมู สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
สำหรับมื้อเย็นชวนทำเมนูแกงจืดเต้าหู้ยัดไส้หมูสับ มาพร้อมวิธีทำน้ำซุปใส่ตั้งฉ่ายและก้านขึ้นฉ่าย ก่อนเสิร์ฟใส่ต้นหอมกับใบขึ้นฉ่าย อาจโรยพริกไทยและกระเทียวเจียวเพิ่มความหอม
ส่วนผสม แกงจืดเต้าหู้ยัดไส้
- เต้าหู้ขาวแบบนิ่ม 1 ก้อน
- หมูสับ 1 ขีด
- น้ำอุ่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับหมัก)
- น้ำมันหอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
- พริกไทย 1/2 ช้อนชา (สำหรับหมัก)
- น้ำซุป
- เกลือสมุทร
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำตาลกรวด
- พริกไทยป่น
- ตั้งฉ่าย
- ก้านขึ้นฉ่าย
- ต้นหอม
- ใบขึ้นฉ่าย
- ผักชี (ไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำแกงจืดเต้าหู้ยัดไส้
1. เอาเต้าหู้มาหั่นทแยง จะได้เป็นชิ้นสามเหลี่ยม ก้อนละ 4 ชิ้น แล้วใช้มีดปาดเอาไส้ (เนื้อเต้าหู้) ออกบางส่วน
2. เตรียมหมูสับสำหรับยัดเป็นไส้ โดยใส่หมูสับลงในชาม เติมน้ำอุ่น ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย และพริกไทย ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. ค่อย ๆ เอาหมูสับมายัดเป็นไส้ในเต้าหู้ทีละชิ้นอย่างเบามือ อย่าให้เต้าหู้แตก ถ้ายัดไส้หมูที่ปรุงรสไว้ไม่หมดก็เอาไว้ปั้นเป็นลูก ๆ ใส่ลงไปในน้ำแกงได้
4. ตั้งหม้อต้มน้ำซุป ปรุงรสด้วยเกลือสมุทร ซีอิ๊วขาว น้ำตาลกรวด และพริกไทยป่น ใส่ตั้งฉ่าย และก้านขึ้นฉ่าย แล้วต้มให้เดือด
5. เมื่อเดือดได้สักครู่ให้หรี่เตาไฟลงเหลือไฟอ่อน ๆ แล้วใส่เต้าหู้ยัดไส้ที่เตรียมไว้ลงไป ถ้าหมูสับใช้ไม่หมด ก็ปั้นใส่ลงไปในน้ำซุปตอนนี้ได้ พอใส่เต้าหู้ลงไปแล้วก็ไม่ต้องเร่งไฟ ปล่อยไฟอ่อน ๆ ไปแบบนั้น ไม่ต้องเดือด นานสักประมาณ 10 นาที หมูที่ยัดไส้ไว้ก็สุกทั่วถึงดี
6. จากนั้นค่อยใส่ต้นหอมกับใบขึ้นฉ่าย (หรือผักชีด้วยก็ได้) ลงไป แล้วเร่งไฟสัก 30 วินาที เหยาะพริกไทย ปิดเตา
ดูวิธีทำ แกงจืดเต้าหู้ เพิ่มเติมคลิก
18. ผัดบวบใส่ไข่
คุณพ่อคุณแม่ใครชอบกินบวบนี่เลย ขอนำเสนอผัดบวบใส่ไข่ ใส่เนื้อสัตว์ตามชอบ หรือไม่ใส่เลยก็ได้นะคะ เพิ่มความหอมจากกระเทียม ถ้าชอบนิ่ม ๆ ใส่น้ำเปล่าลงไปผัดจนนุ่มเลยจ้า