“โนโรไวรัส” ต้นเหตุทำให้ท้องเสีย รู้ทัน ป้องกันได้! 

โนโรไวรัสเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร มีระยะฟักตัว 12-48 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อ ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว มีอาการคล้ายอาหารเป็นพิษ ซึ่งพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาว ทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ ได้ดี มักเกิดจากการรับประทานอาหาร น้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด หอยนางรมที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส หรือผ่านการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีการปนเปื้อนเชื้อ และการสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งจากผู้ป่วยโดยตรง มักจะมีอาการ ดังต่อไปนี้
  - ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
  - ปวดท้อง หรือ ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  - ปวดศีรษะ หรือ ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  - มีไข้ต่ำ หรือ อ่อนเพลีย
  - คลื่นไส้ หรือ อาเจียน
ปัจจุบันยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ การรักษาจึงเป็นการดูแลตามอาการที่เกิดขึ้น และส่วนใหญ่อาการต่างๆ จะดีขึ้นได้ในเวลา 3-4 วัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น การป้องกันโดยทั่วไปคือ การดูแลสุขอนามัย “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” จะช่วยลดปัญหาการติดเชื้อนี้ได้ แม้โนโรไวรัสจะติดง่าย แต่ก็สามารถป้องกันได้ ดังนี้
• ล้างมือ ด้วยสบู่และน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร
• กินอาหารปรุงสุก และหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน
• รักษาความสะอาด ของพื้นที่ใช้สอย เช่น ห้องครัว พื้นผิวโต๊ะ หรือของเล่นเด็ก

ที่มา : โรงพยาบาล อินทรารัตน์ , โรงพยาบาลรามาธิบดี , โรงพยาบาลวิภาวดี